ทำไมบางคนกินยาคุมกำเนิดแล้วยังท้องอยู่? สาเหตุอะไร? มาดูกัน!
อ่าน 2,356
ปัจจุบันนี้ต้องยอมรับว่าการคุมกำเนิดมีหลายรูปแบบ ทั้งแบบฉีด ฝังเข็ม ยาเม็ด แผ่นแปะหน้าท้อง เป็นต้น แต่วิธีการคุมกำเนิดที่นิยมใช้กันมากที่สุด เขายังคงกินยาคุมกำเนิด เพราะสะดวกและราคาไม่สูง แต่ทำไมบางคนกินยาคุมกำเนิดแล้วยังท้องอยู่? วันนี้เราจะมาดูสาเหตุของการทานยาคุมกำเนิดและการตั้งครรภ์กัน
1. ไม่กินยาคุมกำเนิดตรงเวลา
เพราะควรกินยาคุมกำเนิดทุกวัน ยาเม็ดประกอบด้วยฮอร์โมนชนิดหนึ่งที่ช่วยยับยั้งการตกไข่ ยาคุมกำเนิดจะได้ผลหรือทำงานได้ดีหากได้รับฮอร์โมนเป็นประจำเท่านั้น ดังนั้นการไม่กินยาคุมกำเนิดตรงเวลาจะเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ได้
2. ใช้ยาคุมกำเนิดร่วมกับยาปฏิชีวนะ
ยาบางชนิดที่ใช้รักษาโรคบางชนิดได้รับการแสดงเพื่อลดประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิด เช่น ยากันชัก (โรคลมชัก) และยาต้านวัณโรค ดังนั้น หากคุณกินยาคุมกำเนิดควบคู่ไปกับยาเหล่านี้ มันจะลดประสิทธิภาพของยาเม็ดคุมกำเนิดและเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์
3. ใช้ยาคุมกำเนิดร่วมกับยาจิตเวช
นอกจากยาปฏิชีวนะ ยาบางชนิดที่ใช้รักษาโรคทางจิตเวช ยังส่งผลต่อยาคุมกำเนิดได้อีกด้วย ดังนั้นหากรับประทานยาทั้งสองตัวพร้อมกันจะทำให้ประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิดลดลงและมีโอกาสตั้งครรภ์สูง
4.มีอาการอาเจียนหรือท้องเสียหลังรับประทานยาคุมกำเนิด
อาการเหล่านี้ถือเป็นอีกสาเหตุหนึ่งของการตั้งครรภ์แม้จะใช้ยาคุมกำเนิดเป็นประจำก็ตาม ที่จริงแล้ว บางคนทานยาคุมกำเนิดและอาเจียนภายใน 2 ชั่วโมงหลังรับประทาน หรือมีอาการท้องร่วงในหนึ่งวัน ดังนั้นยาคุมกำเนิดแบบรับประทานจึงมีผลเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย
5. เก็บยาคุมกำเนิดผิดวิธี
โดยทั่วไปต้องเก็บยาคุมกำเนิดไว้ในสถานที่ ด้วยอุณหภูมิระหว่าง 15 ถึง 30 องศาเซลเซียส ยาคุมกำเนิดไม่ควรโดนแสงแดดหรือในที่ที่มีความร้อนสูง เพราะจะทำให้ประสิทธิภาพของยาเสื่อมลง และเพิ่มความเสี่ยงในการตั้งครรภ์
6. ลืมกินยาคุมกำเนิดโดยไม่รู้ตัว
มีกิจกรรมมากมายทุกวันจนเราลืมกินยาคุมกำเนิด ซึ่งถึงแม้จะกินทันทีในวันรุ่งขึ้น แต่ประสิทธิภาพของการคุมกำเนิดลดลง ดังนั้นจึงสามารถตั้งครรภ์ได้ง่าย
อย่างไรก็ตามต้องเข้าใจว่า ในการคุมกำเนิดไม่มีวิธีใดได้ผล 100% เว้นแต่คุณจะมีเพศสัมพันธ์กับใครสักคน ดังนั้นแม้มีการคุมกำเนิดที่ดีก็สามารถตั้งครรภ์ได้ แต่โอกาสตั้งครรภ์มีน้อยมาก
#ทำไมบางคนกนยาคมแลวยงทองไดอก #สาเหตเกดจากอะไร #มาดกน