อันตรายของครีมไวท์เทนนิ่งกับวิธีสังเกตครีมอันตราย

อ่าน 12,818

ครีมหน้าขาว อันตรายที่สาวๆ ต้องระวัง หากไม่อยากหน้าพัง นอกจากนี้ยังเป็นครีมป่าที่ผสมสารต้องห้าม มันจะส่งผลเสียต่อร่างกายของคุณมากกว่าที่คุณคิด มาดูอันตรายของครีมทาผิวขาวกัน พร้อมทั้งวิธีสังเกตครีมอันตราย

ในช่วงเวลาที่ความนิยมในการมีผิวขาวยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ครีมทาหน้าขาวเป็นผลิตภัณฑ์ยอดนิยมที่มีขายตามท้องตลาดและสาวๆก็พร้อมที่จะลอง เพราะในรีวิวมักจะเห็นผลไว หน้าขาวจริง แต่ในเวลาสั้นๆ ความขาวนี้จะถูกแทนที่ด้วยผลข้างเคียง เช่น รอยแดง รอยไหม้ดำ ผื่นแพ้ หน้าบาง หน้าลอก ซึ่งในบางกรณีอาจใช้เวลานานในการรักษา หรือบางส่วนอาจจะถาวรเลยก็ได้ ชอบสาวคนนี้ ผลคือหน้าเหี่ยว ผิวพัง) ยังส่งผลต่อระบบต่างๆ ของร่างกายอีกด้วย ให้กับทารกในครรภ์ด้วย!

รู้อย่างนี้ อย่าปล่อยให้ตัวเองตกเป็นเหยื่อ มารู้จักอันตรายของครีมไวท์เทนนิ่งให้มากที่สุด พร้อมเช็ควิธีสังเกตครีมอันตราย เพื่อเลือกซื้อครีมหน้าใสกันดีกว่า


อันตรายจากครีมขาว ครีมป่า ปรอทเยอะ!

จากการศึกษาของสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ ซึ่งตรวจสอบสารอันตรายในเครื่องสำอางของผู้ป่วยที่ส่งไปตรวจ และจากตัวอย่าง 420 ตัวอย่างที่ได้จากตลาดนัดและตลาดออนไลน์ในปี 2561-2562 พบว่าผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ที่รู้จักในชื่อ “ครีมฟอกสีฟัน” มีสารอันตรายมากถึง 25% กล่าวคือ ในครีมขาว 4 ตลับจะพบสารอันตราย ,1ตลับไม่เคย ปรอทเป็นสารอันตรายที่พบบ่อยที่สุด ตามด้วยไฮโดรควิโนนและกรดวิตามินเอ

สารอันตรายข้างต้นมีกลไกที่ช่วยให้ผิวขาวขึ้น แต่ทำให้เกิดผลข้างเคียงต่างๆ ดังนี้

1. ปรอท

สารปรอทในครีมไวท์เทนนิ่ง มีกลไกในการยับยั้งการทำงานของเอ็นไซม์ไทโรซิเนส ทำให้การผลิตเม็ดสีเมลานินลดลง จึงช่วยให้ผิวขาวขึ้น นอกจากนี้ ปรอทยังมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียบางชนิดอีกด้วย จึงสามารถป้องกันสิวได้

ผลข้างเคียงจากการใช้

ความเป็นพิษต่อผิวหนัง: แม้ว่าปรอทจะมีผลต่อเม็ดสีลดลง แต่พบว่าสามารถทำให้เกิดอาการแพ้ ผื่นแดง ผิวดำ ได้ หากใช้เป็นเวลานานจะทำให้ผิวหนังบางลง จุดสีน้ำตาลบนผิวหนังที่เพิ่มขึ้น ฝ้าถาวร หรือบางจุดจะทำให้เกิดจุดบนผิวหนังถาวร

ความเป็นพิษต่อระบบประสาท: ทำให้เกิดอาการสั่น โรคระบบประสาทส่วนปลาย อาจเกิดอาการผิดปกติ ชัก ซึมเศร้า หรือประสาทหลอนได้

พิษต่อตับและไต: ทำให้เกิดโรคตับอักเสบ และโรคไตอักเสบในระยะยาว

ความเป็นพิษต่อเลือด: ทำให้เกิดภาวะโลหิตจาง

ความเป็นพิษต่อทารกในครรภ์: หากใช้ในระหว่างตั้งครรภ์ ปรอทถูกดูดซึมโดยทารก และมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคสมองพิการและปัญญาอ่อนได้


2. ไฮโดรควิโนน

ไฮโดรควิโนนทำงานโดยการยับยั้งกระบวนการทางเคมีของเซลล์ที่ผลิตเมลานิน เมื่อปริมาณเม็ดสีลดลงส่งผลให้ผิวขาวขึ้น จากกลไกนี้ไฮโดรควิโนนสามารถใช้เป็นยาทาเฉพาะที่สำหรับฝ้า กระ จุดด่างดำ ซึ่งอย.กำหนดให้ผสมไฮโดรควิโนนในการรักษาฝ้าได้ไม่เกิน 2%

ผลข้างเคียงของการใช้ยาเกินขนาด

ความเป็นพิษต่อผิวหนัง: การเผาไหม้, รอยแดงและการเกิดสีคล้ำขึ้นในบริเวณที่ทา หากใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดฝ้าสีน้ำเงิน-ดำถาวรได้ และเพิ่มเสี่ยงมะเร็งผิวหนัง

ความเป็นพิษต่อระบบประสาท: ยาถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดและอาจทำให้เกิดอาการสั่นได้ หรือชักหรือทำให้เกิดอาการแพ้ยา

3. วิตามินเอ (กรดเรติโนอิก)

กรดชนิดนี้รบกวนกระบวนการผลิตเมลานิน กระตุ้นการแบ่งตัวของเซลล์และเร่งการผลัดเซลล์ผิวในชั้นเยื่อบุผิว นอกจากนี้ยังยับยั้งการทำงานของเอ็นไซม์ไทโรซิเนสซึ่งใช้ทำเมลานิน นอกจากนี้ยังป้องกันการก่อตัวของสิว สิวเกิดจากอะไร

ผลข้างเคียงจากการใช้

ความเป็นพิษต่อผิวหนัง : ทำให้เกิดการระคายเคืองผิวหนัง ลอก ผิวอักเสบ แพ้แดดได้ง่าย โรคด่างขาวหรือผิวคล้ำอาจเกิดขึ้นชั่วคราว และอาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์

4. สเตียรอยด์

มีฤทธิ์ในการยับยั้งการสร้างเมลานิน สเตียรอยด์ เป็นสารต้องห้ามในเครื่องสำอาง มักใช้ร่วมกับยาอื่นๆ เช่น ไฮโดรควิโนนหรือเรตินอยด์เพื่อรักษาฝ้า กระ และจุดด่างดำ สเตียรอยด์สามารถเพิ่มประสิทธิภาพและลดผลข้างเคียงของไฮโดรควิโนนได้ และเรตินอยด์ด้วย

ผลข้างเคียงจากการใช้

สเตียรอยด์เฉพาะที่ความเข้มข้นสูง หากใช้ผิดวิธีและใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานจะทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ผื่นแพ้ง่าย ผิวบาง มลภาวะ สารพิษจากภายนอกในชั้นหนังแท้ได้ง่ายขึ้น และเห็นเส้นเลือดแดงบนใบหน้าชัดเจนขึ้น

วิธีสังเกตครีมอันตราย

1. สังเกตฉลากก่อน

ฉลากที่ถูกต้องจะเป็นภาษาไทยพร้อมข้อความบังคับแบบเต็ม เช่น ชื่อและประเภทผลิตภัณฑ์ ส่วนประกอบ วิธีการใช้งาน ชื่อ และสถานที่ผลิต วันที่ผลิตและปริมาณสุทธิ หากครีมฟอกสีฟันไม่มีรายละเอียดเหล่านี้ ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยง

2. เห็นผลเร็วแต่ราคาถูก

ถ้าถูกและมีประสิทธิภาพก็ทำให้หน้าขาวเร็วขึ้น คงเดาได้ว่าเป็นครีมอันตราย เพราะครีมปรับผิวขาวหลายยี่ห้อผสมสารเคมีดีและครีมที่มีสารปรอท ไฮโดรควิโนน และสเตียรอยด์ เพื่อลดต้นทุนการผลิตเนื่องจากคุณภาพของส่วนผสมไวท์เทนนิ่งอย่างอัลฟ่าอาร์บูตินมีราคาแพงมากทำให้มีราคาแพง

3. ลักษณะของครีมเปลี่ยนไปหลังจากเปิด


ผู้ผลิตครีมทามือซื้อครีมจากแหล่งต่างๆ และผสมเอง โดยไม่มีการควบคุมคุณภาพ สิ่งที่สังเกตได้ทั่วไปคือหลังจากปล่อยทิ้งไว้ 1 เดือนครีมจะเปลี่ยนเป็นสีเทา มีคุณสมบัติในการแยกน้ำ และบรรจุภัณฑ์เปลี่ยนสีหรือขึ้นสนิมได้ง่าย

4. ผู้ขายไม่สามารถให้ข้อมูลรายละเอียดได้

ลองถามคำถามกับผู้ขาย เช่น คุณใช้เอง ทำที่ไหน และเก็บไว้นานแค่ไหน แล้วถือว่าเชื่อถือได้ โปร่งใส พร้อมตรวจสอบ? ที่สำคัญคือครีมหน้าขาวมีอันตรายหรือไม่ คนขายไม่กล้าใช้ครีมตัวนี้ ไม่สามารถตอบคำถามบางข้อได้

5. ทดสอบครีมที่แขน

ทาครีมที่หน้าท้อง. แล้วทาพลาสเตอร์ปิดครีมให้ทั่ว จากนั้นพันผ้าพันแผลอีกผืนไว้บนผิวหนังบริเวณใกล้เคียง รอประมาณ 5 ชั่วโมง ลอกผ้าพันแผลออก สังเกตว่าบริเวณที่ทาครีมหรือไม่. ขาวซีดกว่าที่อื่น แสดงว่ามีส่วนผสมของสารปรอทที่เป็นความลับ

6. ใช้แล้วผิวไวต่อแสง

หากใช้ผลิตภัณฑ์และผิวแพ้ง่าย ผิวบาง ตากแดดร้อน จะรู้สึกแสบร้อนที่ผิวหนัง ผื่นแดง ฝ้า และหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ มีอาการวิงเวียนศีรษะและหน้ามืดบ่อยแม้พักผ่อนเต็มที่ควรรีบไปตรวจและไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด

หากหญิงสาวไม่เชื่อว่าครีมทาผิวขาวที่ซื้อมานั้นปลอดภัยหรือไม่ สามารถส่งผลิตภัณฑ์ตรวจสอบสารอันตรายเบื้องต้นได้ที่สถาบันโรคผิวหนัง (โครงการทดสอบสารอันตรายในเครื่องสำอาง) 420/7 ถนนราชวิถี ราชเทวี กรุงเทพฯ 10400 ฟรี หรือค้นหารายชื่อครีมหน้าขาว ครีมเถื่อน เครื่องสำอางผิดกฎหมาย ได้ที่ www.fda.moph.go.th

เช็คก่อนใช้ครีมหน้าขาวใส สาวๆจะได้ไม่ต้องเสี่ยงทำหน้าพัง และป้องกันอันตรายจากครีมผิดกฎหมายเหล่านี้

#อนตรายจากครมหนาขาว #พรอมวธสงเกตครมอนตราย

0/5 (0 Reviews)

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น