หัวข้อของบทความนี้จะเกี่ยวกับวิ่งแล้วเจ็บเข่า หากคุณกำลังมองหาวิ่งแล้วเจ็บเข่ามาวิเคราะห์หัวข้อวิ่งแล้วเจ็บเข่าในโพสต์วิ่งอย่างไรไม่เจ็บเข่า​ | 12​ เคล็ดลับ​วิ่งที่มือใหม่หัดวิ่งควรได้รู้นี้.

12​ เคล็ดลับ​วิ่งที่มือใหม่หัดวิ่งควรได้รู้ที่สมบูรณ์ที่สุด

ชมวิดีโอด้านล่างเลย

ที่เว็บไซต์birthyouinlove.comคุณสามารถอัปเดตความรู้ของคุณนอกเหนือจากวิ่งแล้วเจ็บเข่าเพื่อข้อมูลเชิงลึกที่มีคุณค่ามากขึ้นสำหรับคุณ ในหน้าBirthYouInLove เราอัปเดตข้อมูลใหม่ๆ ที่ถูกต้องให้คุณทุกวัน, ด้วยความหวังที่จะให้บริการข้อมูลที่สมบูรณ์ที่สุดสำหรับคุณ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าใจข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตได้รวดเร็วที่สุด.

เนื้อหาเกี่ยวกับหัวข้อวิ่งแล้วเจ็บเข่า

#วิ่งมือใหม่ #วิ่งแล้วปวดเข่า #ฝึกวิ่งให้ถูกวิธี มาดู 12 วิธีวิ่งไม่ปวดเข่ากัน เพราะการวิ่งเป็นการออกกำลังกายแบบแอโรบิคที่ดีและทำได้ง่าย แต่บางครั้งเทคนิคการวิ่งที่ผิด รองเท้า หรือพื้นที่วิ่งก็ไม่เหมาะสม มีโรคข้อหรือสภาพร่างกายไม่เอื้ออำนวย อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บจากการได้รับบาดเจ็บซ้ำๆ ของกระดูกอ่อนของกระดูกสะบ้าหัวเข่าและกระดูกเข่า หากต้องการยืดกล้ามเนื้อรอบเข่าและข้อเท้าให้เพียงพอ ควรยืดออกช้าๆ ค้างไว้ครั้งละ 10-15 วินาที ทำประมาณ 5-10 ครั้งต่อมัด และยังคงบริหารกล้ามเนื้อต้นขาโดยให้เข่าเหยียดตรงและเกร็งเป็นเวลา 5 วินาทีในแต่ละครั้ง ทำประมาณ 10 – 20 ครั้งต่อวัน 1. วอร์มอัพให้เพียงพอ เริ่มต้นด้วยการเดินเร็วหรือจ็อกกิ้งก่อนวิ่งอย่างเต็มกำลัง สำหรับการปรับกล้ามเนื้อของระบบไหลเวียนโลหิต และระบบหายใจ 2. เลือกรองเท้าที่เหมาะกับการวิ่ง ควรมีเบาะรองนั่งเพียงพอและพอดีกับเท้า 3. ใช้แผ่นรองอุ้งเท้า หากคุณมีเท้าแบนหรือมีอุ้งเท้าไม่สูงพอ การวิ่งเป็นเวลานานๆ อาจทำให้เกิดปฏิกิริยาจากพื้นต่อข้อเท้าและข้อเข่า ทำให้เกิดอาการปวดเข่าหรือข้อเท้าเรื้อรังได้ ควรไปพบแพทย์เพื่อขอคำแนะนำ หรือลองซื้อแผ่นยางมาเพิ่มแผ่นอุ้งเท้ามาติดด้านในรองเท้า 4. เลือกพื้นที่วิ่งที่เหมาะสม ควรเป็นพื้นที่เรียบ ไม่ควรวิ่งบนพื้นที่ลาดเอียงหรือบริเวณที่มีการเลี้ยวหักศอก พื้นผิวการวิ่งที่ดีที่สุดคือยางสังเคราะห์หรือพื้น เพราะมันนุ่มและเก็บพลังงานเพื่อแปลงเป็นแรงส่งที่ดี หากวิ่งบนพื้นคอนกรีต ควรเลือกรองเท้าที่รับแรงกระแทกเพียงพอ 5. อย่าวิ่งนานเกินไป หรือยกเข่าสูงเกินไปเพราะข้อเข่าต้องงอมากเกินไป ทำให้ปวดเข่าได้ง่ายขึ้น แขนควรงอเล็กน้อยและแกว่งไปด้านข้างของร่างกาย ในกรณีที่คุณมีอาการปวดหลังหรือน้ำหนักมาก คุณควรเหวี่ยงแขนไปด้านหลังเพื่อไม่ให้ร่างกายงอไปข้างหน้ามากเกินไป 6. คุณควรวิ่งด้วยน้ำหนักของคุณบนส้นเท้าของคุณ การวิ่งด้วยน้ำหนักที่ปลายเท้าเป็นเวลานานจะสร้างแรงดึงพังผืดที่ฝ่าเท้า ปวดกล้ามเนื้อน่อง และยังมีแรงเคลื่อนผิดปกติที่ผ่านข้อเข่า ทำให้ต้องงอเข่ามากขึ้นขณะวิ่ง อาจทำให้ปวดเข่าด้านหน้าได้เช่นกัน 7.ไม่ควรวิ่งขึ้นลงเขา หากคุณมีปัญหาเข่าบ่อยๆ หากคุณต้องการวิ่งขึ้นเนิน ให้เอนตัวไปข้างหน้า ก้าวที่สั้นกว่าและมองตรงไปข้างหน้าไม่ควรมองขึ้น หากวิ่งลงเขา พยายามให้ร่างกายตั้งตรง เพื่อป้องกันการสูญเสียหลักการ และควรเหยียบเท้าให้นานขึ้นและเร็วกว่าปกติ 9. ระยะทางในการวิ่งต้องเหมาะสม ถ้าจะเพิ่มระยะทางก็ควรค่อยๆเพิ่มขึ้นในแต่ละสัปดาห์ 10. ค่อยๆ ลดความเร็วลง เมื่อกำลังจะหยุดวิ่ง และควรเดินต่ออีกสักพักเพื่อให้ร่างกายขับกรดแลคติกออกจากกล้ามเนื้อบางส่วน ช่วยลดอาการปวดกล้ามเนื้อหลังวิ่งในวันรุ่งขึ้น 11. หมั่นออกกำลังกายกล้ามเนื้อต้นขา โดยให้เข่าของคุณตรงและเกร็งครั้งละ 5 วินาที ทำประมาณ 10-20 ครั้งต่อวัน 12. หาผู้ช่วยคนอื่น หากคุณมีโรคข้อเข่าเสื่อมอย่างชัดเจน คุณควรออกกำลังกายอย่างอื่นแทนการวิ่ง เมื่อปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้แล้ว หากยังมีอาการปวดเข่าหรืออื่นๆ ให้ไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง สำหรับการรักษาที่เหมาะสมเพิ่มเติม ควรทราบข้อมูลจากคอลัมน์ นิตยสาร Homeopathic และ Goodlifeupdate.com

ภาพบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับเอกสารเกี่ยวกับวิ่งแล้วเจ็บเข่า

วิ่งอย่างไรไม่เจ็บเข่า​ | 12​ เคล็ดลับ​วิ่งที่มือใหม่หัดวิ่งควรได้รู้
วิ่งอย่างไรไม่เจ็บเข่า​ | 12​ เคล็ดลับ​วิ่งที่มือใหม่หัดวิ่งควรได้รู้

12​ เคล็ดลับ​วิ่งที่มือใหม่หัดวิ่งควรได้รู้ สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ด้านล่าง

คลิกที่นี่เพื่อดูข้อมูลใหม่เพิ่มเติม

คำแนะนำที่เกี่ยวข้องกับวิ่งแล้วเจ็บเข่า

#วงอยางไรไมเจบเขา #เคลดลบวงทมอใหมหดวงควรไดร.

ลุงพล,เคล็ดลับ​วิ่ง,วิ่งแล้วเจ็บเข่า,นักวิ่งหน้าใหม่,วิ่ง,รองเท้าวิ่ง ไม่เจ็บเข่า,วอร์มอัพ วิ่ง เจ็บเข่า,รองเท้าวิ่ง support เข่า,วิ่งมาราธอน,กล้ามเนื้อหัวเข่า วิ่ง,วิ่ง ถูกวิธี,ฝึกวิ่ง,วิ่งแล้วเจ็บ,warm up ก่อนวิ่ง,เริ่มวิ่ง,วอร์มอัพ หายเจ็บเข่า,วิ่งลดน้ำหนัก,หัดวิ่ง,วิ่ง เข่าเสื่อม,มือใหม่หัดวิ่ง,วิ่งอย่างไรไม่เจ็บเข่า​,วิ่ง แล้ว เจ็บ,นักวิ่ง หัดวิ่ง,วิ่งไหนดี,Runner ‘s Journey,runner journey,รันเนอร์,i am a runner.

วิ่งอย่างไรไม่เจ็บเข่า​ | 12​ เคล็ดลับ​วิ่งที่มือใหม่หัดวิ่งควรได้รู้.

วิ่งแล้วเจ็บเข่า.

เราหวังว่าค่านิยมบางอย่างที่เรามอบให้จะเป็นประโยชน์กับคุณ ขอขอบคุณที่อ่านวิ่งแล้วเจ็บเข่าข่าวของเรา

0/5 (0 Reviews)

4 thoughts on “วิ่งอย่างไรไม่เจ็บเข่า​ | 12​ เคล็ดลับ​วิ่งที่มือใหม่หัดวิ่งควรได้รู้ | สรุปข้อมูลที่ปรับปรุงใหม่เกี่ยวกับวิ่งแล้วเจ็บเข่า

  1. I am a Runner says:

    #มือใหม่หัดวิ่ง​ #วิ่งแล้วเจ็บเข่า​ #ฝึกวิ่งถูกวิธี

    มาดู 12 วิธี วิ่งไม่ปวดเข่า เพราะการวิ่งเป็นการออกกำลังกายแบบแอโรบิกที่ดีและทำได้ง่าย แต่บางครั้งเทคนิคการวิ่งที่ไม่ถูกต้องรองเท้าหรือบริเวณที่วิ่งไม่เหมาะสม มีภาวะโรคเกี่ยวกับข้อหรือสภาพร่างกายไม่อำนวย ก็อาจทำให้เกิดอาการบาดเจ็บได้โดยเป็นการบาดเจ็บซ้ำๆ ของกระดูกอ่อน ของกระดูกสะบ้าหัวเข่า และกระดูกหัวเข่า การยืดกล้ามเนื้อรอบเข่าและข้อเท้าให้เพียงพอ ควรยืดช้าๆ ค้างไว้ 10 – 15 วินาทีต่อครั้ง ทำประมาณ 5 – 10 ครั้งต่อมัด และหมั่นออกกำลังกล้ามเนื้อต้นขาโดยการเหยียดเข่าตรงและเกร็งค้างไว้ 5 วินาทีต่อครั้ง ทำประมาณ 10 – 20 ครั้งต่อวัน

    1. วอร์มอัพให้เพียงพอ

    โดยเริ่มจากการเดินเร็วหรือวิ่งเหยาะๆก่อนที่จะวิ่งเต็มที่ เพื่อการปรับตัวของกล้ามเนื้อระบบไหลเวียนโลหิต และระบบการหายใจ

    2. เลือกรองเท้าที่เหมาะสมกับการวิ่ง

    ควรมีพื้นกันแรงกระแทกที่เพียงพอและมีความกระชับพอดีกับเท้า

    3. ใช้อุปกร์เสริมอุ้งเท้า

    ถ้าคุณมีเท้าแบนหรือไม่มีอุ้งเท้าสูงเพียงพอ เวลาวิ่งนานๆอาจทำให้มีแรงปฏิกิริยาจากพื้นกระทำต่อข้อเท้าและข้อเข่าทำให้เกิดอาการปวดเข่าหรือข้อเท้าเรื้อรังได้ ควรไปพบแพทย์เพื่อขอคำปรึกษา หรือลองซื้อแผ่นยางเสริมอุ้งเท้ามาติดภายในรองเท้า

    4. เลือกบริเวณวิ่งให้เหมาะสม

    ควรเป็นพื้นที่เสมอกันไม่ควรวิ่งบริเวณที่เป็นพื้นเอียงหรือบริเวณที่มีการหักเลี้ยวอย่างเฉียบพลัน พื้นวิ่งที่ดีที่สุดคือพื้นยางสังเคราะห์หรือพื้นดิน เพราะมีความนุ่มและเก็บพลังงานเพื่อเปลี่ยนเป็นแรงส่งตัวได้ดี ถ้าจะวิ่งบนพื้นคอนกรีต ควรเลือกรองเท้าที่รับแรงกระแทกอย่างเพียงพอ

    5. ไม่ควรวิ่งก้าวเท้ายาวเกินไป

    หรือยกเข่าสูงเกินไป เพราะทำให้ข้อเข่าต้องงอ มากเกินความจำเป็น ทำให้เกิดปัญหาปวดเข่า ได้ง่ายขึ้น ส่วนแขนก็ควรงอเพียงเล็กน้อยและแกว่งข้างลำตัว ในกรณีที่คุณมีปัญหาปวดหลังหรือน้ำหนักตัวมาก ควรแกว่งแขน ให้ค่อนมาทางด้านหลังเพื่อไม่ให้ลำตัวก้มไปข้างหน้ามากเกินไปด้วย

    6. ควรวิ่งโดยลงน้ำหนักที่ส้นเท้า

    การวิ่งโดยลงน้ำหนักที่ปลายเท้านานๆจะทำให้เกิดแรงกระชากพังผืดฝ่าเท้า ปวดกล้ามเนื้อน่อง และยังเกิดแนวแรงที่ผิดปกติที่ผ่านต่อข้อเข่า ทำให้ต้องงอเข่ามากขึ้นขณะวิ่ง อาจทำให้เกิดการปวดเข่าด้านหน้าอีกด้วย

    7. ไม่ควรวิ่งขึ้นลงเนิน

    ถ้าคุณมีปัญหาที่ข้อเข่าบ่อยๆ ถ้าจะวิ่งขึ้นเนินให้เอนลำตัวไปด้านหน้า ก้าวเท้าให้สั้นลง และมองตรงไปข้างหน้า ไม่ควรแหงนหน้าขึ้น ถ้าจะวิ่งลงเนิน พยายามให้ลำตัวตั้งตรง เพื่อกันการเสียหลักได้ และควรก้าวเท้าให้ยาวขึ้นและเร็วขึ้นกว่าปกติ

    9. ระยะทางที่วิ่งต้องเหมาะสม

    ถ้าจะเพิ่มระยะทาง ก็ควรเพิ่มช้าๆในแต่ละสัปดาห์

    10. ค่อยๆลดความเร็วลง เมื่อใกล้จะหยุดวิ่ง

    และควรเดินต่ออีกสักพักเพื่อให้ร่างกายได้ชะเอากรดแล็กติกออกไปจากกล้ามเนื้อบ้าง ช่วยลดอาการปวดกล้ามเนื้อหลังวิ่งในวันรุ่งขึ้น

    11. หมั่นออกกำลังกายกล้ามเนื้อต้นขา

    โดยการเหยียดเข่าตรงและเกร็งค้างไว้ 5 วินาทีต่อครั้ง ทำประมาณ 10 – 20 ครั้งต่อวัน

    12. หาตัวช่วยอื่น

    ถ้าคุณมีภาวะข้อเสื่อมอย่างชัดเจน ควรออกกำลังกายด้วยวิธีอื่นแทนการวิ่ง

    เมื่อได้ปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้แล้ว ถ้ายังคงมีอาการปวดเข่าหรือข้ออื่นๆ อยู่ ควรพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง เพื่อการรักษาที่เหมาะสมต่อไป

    ข้อมูลจาก คอลัมน์น่ารู้ นิตยสารชีวจิตและ Goodlifeupdate.com

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น