จะเกิดอะไรขึ้น อันตรายแค่ไหน? ถ้าคุณฝึกมากกว่าชั่วโมงต่อวัน
อ่าน 9,921
นอกจากข้อจำกัดเรื่องอาหารแล้ว การออกกำลังกายยังเป็นปัจจัยสำคัญในการช่วยให้ลดน้ำหนักได้อย่างราบรื่น และสามารถทำได้ในขณะที่ร่างกายยังแข็งแรงสมบูรณ์ นอกจากลดไขมันส่วนเกินแล้วสร้างกล้ามเนื้อใหม่แทน ยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคร้ายแรงอื่นๆ อื่น ๆ อีกมากมายด้วย ด้วยเหตุนี้จึงมีผู้สนใจออกกำลังกายมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ดีที่ควรทำ แต่หลายคนรู้ว่าเราควรออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน เพราะน้อยกว่านั้นไม่ได้ผล แต่ถ้าออกกำลังกายเกิน 1 ชั่วโมงต่อวัน จะส่งผลต่อร่างกายหรือไม่?
ออกกำลังกายมากแค่ไหนถึงเรียกว่า “มากเกินไป”?
บอกตามตรงว่าร่างกายคนเราไม่เหมือนกัน มีมวลกล้ามเนื้อไม่สม่ำเสมอ ความอดทนในการออกกำลังกายไม่เหมือนกัน หรือถ้าจะเปรียบเทียบกันง่ายๆ ว่าใครอายุ เพศ ส่วนสูง น้ำหนักเท่ากัน ไม่ได้หมายความว่ากล้ามเนื้อและความอดทนในการออกกำลังกายจะเท่ากัน คนที่ออกกำลังกายน้อยจะต้านทานการออกกำลังกายได้น้อย เพราะมวลกล้ามเนื้อน้อยกว่า กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรงน้อยกว่านั้น ดังนั้น ออกกำลังกายเกินชั่วโมงก็ไม่ผิด แต่ขึ้นอยู่กับความพร้อมของผู้ออกกำลังกายมากกว่า และถ้าคุณออกกำลังกายมากกว่ากำลังของตัวเอง ก็สามารถทำร้ายคุณได้มากกว่าผลดี
คาร์ดิโอเท่าไหร่ดีต่อร่างกาย?
กรณีคาร์ดิโอ ไม่ว่าจะวิ่ง แอโรบิก ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ หรือกีฬาอื่นๆ ซึ่งอาศัยการเต้นของหัวใจเพื่อสูบฉีดโลหิตให้มากขึ้นเพื่อหล่อเลี้ยงร่างกาย การออกกำลังกายควรเป็น 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง (ครั้งละ เล่น 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์) เป็นการออกกำลังกายต่อเนื่อง อย่าแนะนำคาร์ดิโอนานกว่าหนึ่งชั่วโมงเพราะจะทำให้หัวใจทำงานหนักเกินไป และอาจได้รับอันตรายต่างๆ อันเป็นผลจากการทำงานของหัวใจที่อาจไม่ปกติ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคนที่มีหัวใจแข็งแรงดี คาร์ดิโอบ่อยๆ จะทำคาร์ดิโอได้ไม่เกิน 1 ชั่วโมง แต่สำหรับบุคคลทั่วไป คาร์ดิโอ 1 ชั่วโมงติดต่อกันถือว่ายาก และตรวจสอบให้แน่ใจว่าแกนกลางของคุณแข็งแรงเพียงพอสำหรับการออกกำลังกายที่หนักหน่วงและยาวนานเช่นนี้
ใครก็ตามที่ต้องการคาร์ดิโอนานกว่าหนึ่งชั่วโมงควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจความแข็งแรงของหัวใจ เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดหัวใจวายเฉียบพลัน และใช้วิธีหนักเบาสลับกันครั้งละ 10 ถึง 15 นาที อย่าคาร์ดิโอหนักจนหัวใจเต้น หอบตลอดเกม ดีต่อร่างกาย
การฝึกความแข็งแรงเท่าไหร่ดีสำหรับร่างกาย?
มาสำหรับผู้ที่ต้องการปลูกฝังกล้ามเนื้อบางส่วน สิ่งที่คุณต้องเข้าใจคือ กล้ามเนื้อจะไม่เติบโต “ระหว่าง” น้ำหนัก แต่จะค่อยๆ สร้างกล้ามเนื้อให้แน่นขึ้น กล้ามเนื้อจะใหญ่ขึ้นในช่วงเวลาที่เรา “พัก” กล้ามเนื้อหลังจากยกน้ำหนักแยกกัน ดังนั้น นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่นักเพาะกายจะไม่ออกกำลังกายกล้ามเนื้อเดิมซ้ำแล้วซ้ำอีกทุกวัน ในช่วงเวลาระหว่างการออกกำลังกายไหล่หรือแขน พวกเขาจะสลับขาหรือกล้ามหน้าท้องแทน เป็นต้น
ยังเล่นมายากลที่ยาว หนัก และบ่อยเกินไป แต่เราไม่ได้รับสารอาหารเพียงพอที่จะสร้างกล้ามเนื้อหลังการฝึกด้วยน้ำหนัก สามารถทำให้ร่างกายไม่สามารถดึงสารอาหารไปช่วยสร้างกล้ามเนื้อให้เพียงพอต่อการซ่อมแซมและเสริมสร้างกล้ามเนื้อที่บาดเจ็บได้ ถ้าเล่นมายากลมากเกินไปจะทำให้ร่างกายตึงเครียดจนร่างกายหลั่งคอร์ติซอลออกมา นอกจากนี้ยังสามารถป้องกันไม่ให้กระบวนการสร้างกล้ามเนื้อสมบูรณ์เท่าที่ควร
ดังนั้นการยกน้ำหนักจึงควรทำด้วยน้ำหนักปานกลาง ซึ่งหมายถึง การใช้กล้ามเนื้อมากขึ้นโดยการเพิ่มแรงต้านในรูปแบบต่างๆ เช่น ยกดัมเบลล์ตอนดึก หรือ ออกกำลังกายยกน้ำหนักขึ้นต่างๆ ทำต่อไปประมาณ 10-15 นาที จากนั้นสลับไปทางซ้ายและขวา หรือเปลี่ยนไปเล่นเวทประเภทอื่นเป็นเวลา 1 ชั่วโมง ถ้ายังไม่รู้สึกเหนื่อยหรือเหนื่อยพอ แสดงว่าเราเลือกน้ำหนักเบาเกินไป ให้ครั้งต่อไปค่อยๆ รับน้ำหนัก 0.5-1 กก. และอย่าลืมเปลี่ยนชิ้นส่วนทุกวัน อย่าเล่นส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายซ้ำๆ อาจแยกว่าเล่นวันจันทร์หลังวันอังคารหรือวันพุธ เล่นแขน ออกกำลังกายหน้าท้อง ฯลฯ พักกล้ามเนื้อเครียดอย่างน้อย 2-3 วันก่อนออกกำลังกายแบบเดิมซ้ำแล้วซ้ำอีก หากปวดมากเกินกว่าจะรับไหว ควรหยุดและไปพบแพทย์ เพราะคุณอาจจะเล่นมายากลผิด หากถูกบังคับให้เล่นต่อก็อาจทำร้ายร่างกายได้
ข้อควรระวังในการออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนัก
ใครที่อยากออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนัก คุณไม่ควรออกกำลังกายมากเกินไป เพราะร่างกายสามารถดึงกล้ามเนื้อให้เป็นพลังงานทดแทนได้ (ถ้ากินไม่พอ) และยังต้องกินคาร์บอยู่ไม่ใช่ 100% เพราะร่างกายยังต้องการไกลโคเจน (รูปแบบของกลูโคสที่ร่างกายสำรองไว้ใช้) เพื่อเผาผลาญพลังงานจากไขมันในร่างกายไปพร้อม ๆ กัน ดังนั้นควรเลือกคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เพื่อการย่อยอาหารได้นานขึ้น ให้พลังงานที่ยาวนานขึ้น เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีต เป็นต้น
#จะเกดอะไรขน #อนตรายแคไหน #หากคณออกกำลงกายเกน #ชวโมงตอวน