วิธีรับประทานวิตามินซีที่ถูกต้อง ควรทานเมื่อไหร่? ของร่างกายให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

อ่าน 13,464

เมื่อไหร่ควรทานวิตามินซีให้ได้ประโยชน์สูงสุด ก่อนอาหาร หลังอาหาร หรือก่อนนอน? วิธีการใช้วิตามินซีอย่างถูกต้อง?

อาหารเสริมอย่าง “วิตามินซี” เป็นที่นิยมมาก โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนและหน้าหนาวที่หลายคนเป็นไข้หวัด เลยซื้อวิตามินซีแบบเม็ดมาทานเอง เพื่อช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกายจะไม่เจ็บป่วยง่าย แต่ก็ยังมีคำถามเดิม แบบนี้ควรทานวิตามินซีเสริมเท่าไหร่ และควรทานเมื่อไหร่? ของร่างกายให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

ประโยชน์ของวิตามินซี

วิตามินซีหรือกรดแอสคอร์บิกเป็นวิตามินที่ละลายน้ำได้ซึ่งมนุษย์ไม่สามารถสังเคราะห์ได้ ประโยชน์ของวิตามินซีมีมากมาย เช่น

– เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ

– ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว


– ช่วยซ่อมแซมเซลล์ที่ถูกทำลายจากอนุมูลอิสระในร่างกาย

– ช่วยการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อในร่างกาย

– ฟื้นฟูร่างกายหลังออกกำลังกายเพราะช่วยลดการอักเสบของกล้ามเนื้อ

– รักษาและป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟันหรือเลือดออกตามไรฟัน

– ลดอาการภูมิแพ้

– ช่วยให้ดูดซึมแร่ธาตุบางชนิดได้ดีขึ้น เช่น ธาตุเหล็ก

– ทำให้แผลสมานเร็วขึ้น

-ช่วยสร้างคอลลาเจน

– บำรุงผิวและดีต่อสุขภาพของผู้หญิง

วิตามินซีป้องกันโรคหวัดได้จริงหรือ?

จากการศึกษาของคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่าการทานวิตามินซีเป็นประจำไม่ป้องกันหวัด และไม่มีผลต่อการลดความเสี่ยงการเป็นหวัด ยกเว้นในผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ สามารถลดความเสี่ยงการเป็นหวัดได้ถึง 50%

แต่ถึงอย่างนั้น วิตามินซี ก็ช่วยลดความรุนแรงและลดระยะเวลาการเป็นหวัดได้ คือ เริ่มเป็นหวัด 2-3 วันก่อนจะหายไป เมื่อกินวิตามินซีเป็นประจำอาจเป็นหวัดเล็กน้อย แค่ 1-2 วัน เท่านั้นแต่ถ้าเป็นหวัดให้ทานวิตามินซีก็ช่วยอะไรไม่ได้

อาหารเสริมวิตามินซี ดีอย่างไร?


ปกติเราได้รับวิตามินซีจากอาหารที่เรากินทุกวัน โดยเฉพาะผักและผลไม้ แต่สัดส่วนของวิตามินซีที่เราได้รับจากอาหารทั่วไปอาจไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการวิตามินซีเพิ่มขึ้นเล็กน้อยตั้งแต่ 500 มิลลิกรัมขึ้นไป เช่น ผู้ที่เป็นหวัดบ่อยๆ มีอาการแพ้ ผู้ที่มีเลือดออกตามไรฟันเป็นอุปสรรค แพทย์ของคุณจะสั่งอาหารเสริมวิตามินซี รวมทั้งผู้ที่สูบบุหรี่ก็ต้องกิน เพราะการสูบบุหรี่จะทำให้ปริมาณวิตามินซีในร่างกายลดลง เช่นเดียวกับสตรีมีครรภ์ที่เตรียมตัวผ่าตัดหรือเพิ่งพักฟื้นจากการผ่าตัด เขาควรได้รับวิตามินซีมากขึ้น

ร่างกายต้องการวิตามินซีเท่าไหร่ต่อวัน?

โดยปกติ ผู้ที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไปควรบริโภควิตามินซี 60 ถึง 90 มิลลิกรัมต่อวัน เด็กต้องการวิตามินซี 30 ถึง 50 มิลลิกรัมต่อวัน แต่คุณสามารถกินได้ถึงประมาณ 100 ถึง 200 มิลลิกรัมต่อวัน

แต่หากต้องการรับประทานวิตามินซีเพื่อบำรุงร่างกายหรือบรรเทาอาการบางอย่าง อาหารเสริมวิตามินซีสามารถรับประทานได้ในปริมาณต่อไปนี้:

– เพิ่มภูมิคุ้มกันและการดูแลผิว ตามหลักศาสตร์แห่งการชะลอวัย แนะนำให้บริโภควิตามินซี 1,000 มิลลิกรัมต่อวันขึ้นไป และควรเลือกรับประทานวิตามินซีที่สกัดจากธรรมชาติ

– ลดความรุนแรงและระยะเวลาการเป็นหวัด หรือบรรเทาอาการภูมิแพ้ แนะนำให้บริโภควิตามินซี 1,000 ถึง 3,000 มิลลิกรัมต่อวัน เนื่องจากการวิจัยพบว่าการรับประทานวิตามินซี 1,000 มิลลิกรัม วันละสองครั้ง จะช่วยให้ระดับฮีสตามีนของคุณดีขึ้น สารที่ทำให้น้ำตาไหล – น้ำมูกไหล ลดลงได้ถึง 40 เปอร์เซ็นต์

– ผู้ป่วยเบาหวาน ควรรับประทานวิตามินซี 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน เพื่อลดสารต้านอนุมูลอิสระและการอักเสบของหลอดเลือด ยังช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคหัวใจ ไตวาย เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ปริมาณวิตามินซีที่รับประทานขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล แล้วถ้าอยากรู้ว่าเราควรกินวิตามินซีเท่าไหร่-เท่าไหร่? คุณควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาคำตอบที่ชัดเจน

วิตามินซี เลือกตัวไหนดี?

วิตามินซีในท้องตลาดมีหลายรูปแบบ แต่ละประเภทจะแตกต่างกันดังนี้

1. วิตามินซีเม็ดสำหรับรับประทาน

เป็นวิตามินซีรูปแบบที่นิยมมากที่สุด โดยมีขนาดตั้งแต่ 25 ถึง 1,000 มิลลิกรัมต่อเม็ด แต่ส่วนใหญ่มี 2 ขนาดคือ 500 และ 1,000 มก. ต่อเม็ด ยาเม็ดขนาด 500 มก. บางชนิดมีจำหน่ายในรูปแบบบัฟเฟอร์ การปลดปล่อยแบบต่อเนื่อง หรือแบบปล่อยช้า ซึ่งจะค่อยๆ ปลดปล่อยวิตามินซีออกจากยาเม็ด ทำให้วิตามินซีทำงานได้นานขึ้น แตกต่างจากวิตามินซีในรูปแบบเม็ด ให้ปล่อยวิตามินซีทันที

แต่ในแง่ของระดับวิตามินซีในเลือด ทั้งสองรูปแบบไม่แตกต่างกันนัก แต่ Buffered, Sustained release หรือ Slow release จะระคายเคืองต่อกระเพาะอาหารน้อยกว่า เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร

2. คอร์เซ็ตวิตามินซี

มีจำหน่ายในขนาด 25, 50, 100 และ 500 มก. เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาในการกลืนยาเม็ด แต่ไม่ควรรับประทานวิตามินซีในรูปแบบเม็ดบ่อยเกินไป เนื่องจากกรดวิตามินซีสามารถทำลายเคลือบฟันได้ ทำให้ฟันผุ

3. วิตามินซีแบบเคี้ยวได้

ส่วนใหญ่มีจำหน่ายในเม็ดละ 30 มิลลิกรัมและมีสีและปรุงแต่งเพื่อให้ง่ายต่อการกลืนกิน เหมาะสำหรับเด็ก แต่ถ้ากินมากเกินไปอาจทำให้เกิดฟันผุได้ เพราะมีปริมาณน้ำตาลค่อนข้างสูง

4. วิตามินซีเม็ดฟู่

วิตามินซีมี 500 และ 1,000 มิลลิกรัม วิตามินซีรูปแบบนี้ต้องละลายในน้ำก่อน และรอให้ฟองอากาศหายไปหมดจึงดื่ม เพราะฟองที่ก่อตัวขึ้นนั้นเป็นคาร์บอนไดออกไซด์ หากกลืนเข้าไปอาจทำให้ท้องอืดได้ อย่างไรก็ตาม วิตามินซีเม็ดฟู่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาในการกลืนยาเม็ด หรือกลืนยาเม็ดใหญ่ไม่ได้

5. แคปซูลวิตามินซี

นิยมผลิตในขนาด 500 มิลลิกรัม มีทั้งแบบแคปซูลแข็งและแบบแคปซูลนิ่ม กลืนง่ายกว่าแบบเม็ด

6. วิตามินซีแบบฉีด

นี่เป็นสารละลาย 500 มก. ที่ควรฉีดโดยแพทย์หรือพยาบาลเท่านั้น จึงไม่เหมาะกับการใช้ในชีวิตประจำวัน

อย่างไรก็ตาม การเลือกรับประทานวิตามินซีควรพิจารณาตามความต้องการของแต่ละบุคคล และจุดประสงค์ในการรับประทาน ให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากวิตามินซี

ฉันควรทานวิตามินซีเท่าไหร่เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด?


ในความเป็นจริง การดูดซึมวิตามินซีในร่างกายมีจำกัด จากการศึกษาพบว่าร่างกายสามารถดูดซึมวิตามินซีในปริมาณต่ำได้ดีกว่าการรับประทานวิตามินซีในปริมาณสูง กล่าวง่ายๆ ก็คือ หากคุณรับประทานวิตามินซีวันละ 1,000 ถึง 1500 มิลลิกรัม ร่างกายจะไม่ดูดซึมเพียง 50% ของปริมาณวิตามินซี วิตามินซีที่เราบริโภคเท่านั้น

ดังนั้น ปริมาณวิตามินซีควรน้อยกว่า 1,000 มก. เช่น วิตามินซี 500 มก. วันละ 2 ถึง 6 เม็ด หรือจนกว่าจะถึงปริมาณที่แนะนำ เพื่อให้ร่างกายดูดซึมวิตามินซีได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

วิตามินซีควรทานตอนไหนดีที่สุด?

น.ส.วริยะ สารรัตนะ ให้คำตอบกับเว็บไซต์ Drug Archives คณะเภสัชศาสตร์ ม.มหิดล ที่กินเวลาไหนก็ได้ตามสะดวกจริง ๆ แต่แนะนำว่าไม่ควรทานตอนท้องว่าง ตามหลักการแล้ว ควรรับประทานระหว่างหรือหลังอาหาร เช่น วันละ 2 ครั้งหลังอาหาร หรือ 3 ครั้งต่อวันหลังอาหาร เพราะอาหารจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมวิตามินซีไปใช้ และยังป้องกันการระคายเคืองกระเพาะอาหารที่เกิดจากกรดวิตามินซี

วิตามินซี กินกับอะไรก็อร่อย ?

– วิตามินซีกินคู่กับคอลลาเจน หรือกลูตาไธโอน ช่วยสร้างความแข็งแรงของเนื้อเยื่อ ชะลอความเสื่อมของผิวและช่วยบำรุงผิวได้ดียิ่งขึ้น

– บริโภควิตามินซีกับอาหารที่อุดมด้วยธาตุเหล็ก ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างร่างกายให้ดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้น ดังนั้น หากคุณต้องการให้ร่างกายได้รับธาตุเหล็กอย่างเต็มที่จากอาหาร เช่น ไข่แดง เลือดหมู หรือเครื่องในหมู ก็ควรรับประทานกับผักที่มีวิตามินซีสูง เช่น สควอช คะน้า พริก บร็อคโคลี่ เป็นต้น

วิตามินซีอยู่ได้นานแค่ไหน?

อาหารทุกชนิดไม่สามารถรับประทานได้น้อยเกินไป การกินมากเกินไปไม่ดี รวมทั้งวิตามินซีด้วย เพราะหากร่างกายได้รับน้อยเกินไปก็จะส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน จับง่าย เป็นหวัด ผิวเลือดออกตามไรฟัน ดูไม่สดใส เพราะวิตามินซีมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอวัย และยังกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน

แต่ถ้ากินมากเกินไป การสัมผัสเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ปวดท้อง ปวดท้อง ท้องร่วงรุนแรง ปัสสาวะบ่อย แผลในกระเพาะอาหาร โรคโลหิตจางรวมทั้งเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดนิ่วในไต แต่อย่าตื่นตระหนก เพราะผลข้างเคียงเหล่านี้หายากมาก เพราะวิตามินซีเป็นวิตามินที่ละลายน้ำได้ จึงขับออกทางปัสสาวะนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม หากจำเป็นต้องรับประทานวิตามินซีในปริมาณมากเกินความจำเป็น หรือมียาที่ต้องรับประทานเป็นประจำหรือกำลังรับประทานวิตามินอยู่ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนจะดีที่สุด เพื่อความปลอดภัยของเราเอง นอกจากนี้ วิตามินซียังสามารถโต้ตอบกับยาอื่นๆ

การเสริมวิตามินซีเป็นเพียงตัวช่วย แต่ในความเป็นจริง ไม่สามารถแข่งขันกับวิตามินซีที่เราได้รับจากธรรมชาติได้ ดังนั้นควรกินผักและผลไม้ให้มาก โดยเฉพาะฝรั่ง ส้ม มะละกอ มะนาว มะม่วง มะเขือเทศ มันฝรั่ง กีวี สตรอว์เบอร์รี่ ผักใบเขียว… อาหารเหล่านี้เต็มไปด้วยวิตามินซีที่ช่วยปกป้องร่างกายจากโรคต่างๆ โดยไม่ต้องเสียเงินซื้ออาหารเสริมมาทานเลย

#วธกนวตามนซทถกตอง #ควรกนชวงไหน #รางกายถงไดรบประสทธภาพมากทสด

0/5 (0 Reviews)

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น