การแพ้อาหารในเด็กและทารกที่พ่อแม่ไม่ควรมองข้าม

อ่าน 13,278

การแพ้อาหารเป็นปฏิกิริยาการแพ้ที่เกิดขึ้น เมื่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมองว่าอาหารบางชนิดเป็นอันตราย อาหารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้จะเรียกว่า “ปฏิกิริยาภูมิแพ้” สารก่อภูมิแพ้ในบางการศึกษา พบว่า 4-6% ของเด็กและประมาณ 6% ของผู้ใหญ่ได้รับผลกระทบจากการแพ้อาหาร ในเด็กและทารก ภาวะนี้พบได้บ่อยกว่า

แพ้อาหารประเภทไหน

การแพ้อาหารมีสองประเภท:


– ปฏิกิริยาการแพ้ประเภทที่อาศัย IgE เกิดขึ้นในลักษณะที่สัมพันธ์กับการปลดปล่อยแอนติบอดี IgE โดยระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย แอนติบอดีเหล่านี้จะโต้ตอบกับอาหารบางชนิด

– ประเภทไม่ได้ไกล่เกลี่ยโดย IgE ภาวะนี้เกิดขึ้นเมื่อส่วนอื่นๆ ของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมีปฏิกิริยากับอาหารบางชนิด การแพ้อาหารนั้น ไม่ทำให้ร่างกายไปกระตุ้นแอนติบอดี IgE

อาการแพ้อาหารต่างๆ

เมื่อเด็กแพ้อาหารมักพบอาการที่ผิวหนัง ระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบย่อยอาหารและทางเดินหายใจ อาการที่พบบ่อยที่สุดคือ:

– อาเจียน ท้องเสีย หรือปวดท้องและปวดท้อง

– ผื่นแดงหรือลมพิษ

– อาการบวมที่ลิ้น ริมฝีปาก คอ หรือมีอาการคันในปาก ซึ่งส่งผลต่อความสามารถในการพูดหรือหายใจของคุณ


– แน่นคอ หายใจลำบาก

– เสียงหายใจ

– ชีพจรต่ำ ความดันโลหิตต่ำ

– อาการวิงเวียนศีรษะ

– ผิวอาจจะซีดหรือน้ำเงิน

– อาการแพ้ดังกล่าวมักเกิดขึ้นที่อวัยวะของร่างกาย มากกว่าหนึ่งอวัยวะและอาจแย่ลงได้เร็ว เมื่อเกิดอาการแพ้ ผู้ป่วยควรได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม เพราะอาการดังกล่าวอาจทำให้เสียชีวิตได้

อาหารก่อภูมิแพ้

ในเด็ก อาหารทุกชนิดสามารถทำให้เกิดอาการแพ้ได้ แต่สารก่อภูมิแพ้เหล่านี้คิดเป็น 90% ของการแพ้อาหารทั้งหมดในเด็ก

– น้ำนม

– ไข่

– ถั่วที่เติบโตใต้ดิน

– ถั่วเหลือง

– ข้าวสาลี


– ถั่วที่เติบโตบนพื้นดิน

– ปลา

– อาหารทะเลเปลือกแข็ง

การรักษาหลักสำหรับการแพ้อาหารคือการหลีกเลี่ยงอาหารที่เป็นสาเหตุ อย่าลืมอ่านฉลากของผลิตภัณฑ์อาหารทุกชนิด ปฏิบัติตามอย่างระมัดระวังเพื่อดูส่วนประกอบอย่างชัดเจน ซึ่งจะช่วยลดการบริโภคอาหารที่มีสารก่อภูมิแพ้

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยและการรักษาโรคใด ๆ

#การแพอาหาร #ในเดกและทารก #ทพอแมไมควรมองขาม

0/5 (0 Reviews)

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น