คลี่คลายข้อข้องใจ! วิ่งยังไงให้เผาผลาญไขมัน แบรนด์รองเท้าดังทำให้วิ่งเร็วขึ้นจริงหรือ?

อ่าน 7,569

เมื่อตัดสินใจออกกำลังกายทั้งเพื่อสุขภาพและรูปร่างที่ดีขึ้น และเลือกรองเท้าคู่แล้วไปวิ่ง นักวิ่งหลายคนมักมีคำถาม การบาดเจ็บ การเพิ่มประสิทธิภาพ และเทคนิคต่างๆ รวมถึงการดูแลร่างกายก่อนและหลังการแข่งขัน มาดูกันว่ามีคำถามอะไรไหม

1. ทำไมการวิ่งต้องมีน้ำหนัก?


นักวิ่งหลายคนรู้สึกว่าขาของพวกเขาแข็งแรง การเพิ่มกล้ามเนื้อเป็นมัด ทำไมผู้คนถึงแนะนำเวทมนตร์ให้ไปด้วยเสมอ? อย่างไรก็ตาม การวิ่งช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อขา แต่ทุกวันนี้ นักวิ่งส่วนใหญ่เป็นคนงาน ไม่ใช่นักวิ่งมืออาชีพคนนี้ กล้ามเนื้อของเราไม่ได้ใช้ในระหว่างวัน การวิ่งคนเดียวไม่ได้ทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงพอที่จะป้องกันการบาดเจ็บได้ ในกรณีที่เราเพิ่มระยะทางหรือเพิ่มความเร็วในการวิ่ง

2. วิ่งยังไงให้เผาผลาญไขมัน

อันที่จริง เราเผาผลาญไขมันตั้งแต่ก้าวแรกที่เริ่มวิ่ง แต่ถ้าวิ่งเพื่อลดน้ำหนักไม่ควรวิ่งเร็วมาก โดยควบคุมความเข้มข้นเพียง 60-70% ของอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุด สามารถคำนวณพัลส์สูงสุดได้ง่ายๆ (แต่ไม่แม่นยำมาก) โดยใช้อายุ 220 ปี หรือโดยใช้อุปกรณ์เสริมที่สามารถบอกชีพจรได้

รวมถึงการฝึกจับความรู้สึกในระดับความเหนื่อยล้าที่ยังพูดได้ตามปกติ ควรวิ่งครั้งละประมาณ 30-60 นาที 3-5 วันต่อสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม นักวิ่งควรควบคุมอาหารและน้ำหนักตัว เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อซึ่งช่วยเผาผลาญไขมันได้ดีขึ้น

3. การวิ่งทำให้ขาของคุณอ้วนจริงหรือ?

การวิ่งทำให้กล้ามเนื้อขาและน่องแข็งแรง อ้วนน้อยลงซึ่งจะทำให้ขาของคุณดูอ้วนขึ้น แม้ว่าโดยทั่วไปกล้ามเนื้อของผู้หญิงจะอ้วนง่าย แต่ในบางกรณีนั่นเป็นส่วนน้อย นอกจากนี้เรายังพบว่าการวิ่งมากเกินไปทำให้ขาของคุณดูใหญ่ขึ้นเล็กน้อย

4. การวิ่งแบบไหนที่หัวเข่าของคุณหัก?


นักวิ่งมือใหม่มักมาด้วยใจที่บริสุทธิ์เสมอ แต่พอวิ่งไปซักพักกลับปวดเข่าหรือข้อเท้าแข็งขึ้น แขวนรองเท้าไว้ตรงแถวตู้ ถ้ากลัวเข่าแตก ไม่ควรยาวเกินไป อย่าเพิ่มระยะทางและความเร็วมากเกินไป จากบทความวิจัยล่าสุดหลายฉบับ พบว่าการวิ่งไม่เกี่ยวข้องกับอุบัติการณ์ของโรคข้อเข่าเสื่อม เป็นน้ำหนักตัวที่มีความเกี่ยวข้องกันมากกว่า

5. ต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการพักผ่อนหลังจากได้รับบาดเจ็บจากการวิ่ง?

อาการบาดเจ็บบางอย่างจำเป็นต้องพักจนกว่าจะหายดี เช่น กระดูกหน้าแข้งร้าว แต่บางอย่างก็ไม่จำเป็นต้องหยุดพัก เราสามารถให้การรักษาได้ นอกจากการวิ่ง เช่น รอยฟกช้ำ เป็นต้น แม้ไม่มีอาการบาดเจ็บ นักวิ่งควรมีช่วงพักฟื้นเพื่อช่วยให้ร่างกายได้พักผ่อน และซ่อมแซมอาการบาดเจ็บเล็กน้อยเพื่อให้ร่างกายไม่เหนื่อยจนเกินไป

6. นักวิ่งที่มีโรคประจำตัวสามารถวิ่งได้หรือไม่?

หากคุณมีเงื่อนไขทางการแพทย์หรือภาวะที่มีมาแต่กำเนิด ผู้ขับขี่ควรไปพบแพทย์เพื่อควบคุมสภาพพื้นฐานของตนให้อยู่ในช่วงที่ปลอดภัย เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีอันตรายขณะวิ่ง เมื่อวิ่งไประยะหนึ่งหรือต้องการเพิ่มระยะทางและความเร็ว นักวิ่งจำเป็นต้องเฝ้าสังเกตสิ่งผิดปกติหรืออาการที่แย่ลงเรื่อยๆ เป็นความคิดที่ดีที่จะนำยาติดตัวไปด้วยทุกครั้งที่วิ่ง

7. TalkTest คืออะไร?

วิธีเช็คอาการเมื่อยล้าแบบง่ายๆ หากเราสามารถพูดประโยคสั้นๆ 4-5 คำขณะวิ่งได้ ซึ่งหมายความว่าเรากำลังวิ่งในระดับความเหนื่อยล้าที่ไม่สูงเกินไปสำหรับการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ แต่ถ้าอยากจะฝึกเพื่อเพิ่มความเร็วหรือเพิ่มประสิทธิภาพให้วิ่งด้วยความเหนื่อยที่มากขึ้นที่ไม่สามารถพูดเป็นประโยคได้ ก็สามารถทำให้ร่างกายเติบโตได้

8. รองเท้าแบรนด์ดังทำให้คุณวิ่งเร็วขึ้นจริงหรือ?

แบรนด์รองเท้าส่งผลต่อการวิ่งของนักวิ่งแต่ละคนแตกต่างกัน แต่นั่นไม่ได้หมายถึงรองเท้าแบรนด์ดัง หรือรองเท้าที่แพงกว่าย่อมดีกว่าเสมอ อย่างไรก็ตาม การเลือกรองเท้าวิ่งที่ดีนั้นขึ้นอยู่กับความพอดีของแต่ละคน ธรรมชาติของการวิ่ง เท้าของนักวิ่ง คุณควรเลือกรองเท้าที่ไม่เล็กหรือใหญ่เกินไปสำหรับเท้าของคุณ และควรทดลองวิ่งทุกครั้งก่อนตัดสินใจซื้อ

9. วิธีดื่มน้ำโดยไม่ใช้ฝา

ดื่มน้ำปริมาณมาก ก่อนออกกำลังกายอาจทำให้อุดตันได้ แต่การงดดื่มน้ำก็อันตรายเช่นกัน ดังนั้นนักวิ่งควรดื่มน้ำประมาณ 200-400cc ก่อนออกกำลังกาย 30 นาที และดื่มน้ำประมาณ 150-200cc ทุกๆ 15-20 นาที หากต้องการวิ่งระยะไกล หรือสูญเสียเหงื่อมากขณะวิ่งกลางแจ้ง และในบางกรณีก็ต้องสลับกับน้ำแร่

10. สนามแข่งมีกี่ประเภท?


-Fun Run ระยะทางไม่เกิน 5k (km) ระยะวิ่งสนุก เหนื่อยสำหรับนักวิ่งมือใหม่ที่เคยชินกับการวิ่ง และพร้อมลงสนามเพื่อทดสอบความแข็งแกร่งและความอดทน

– มินิมาราธอน 10 กิโล (กิโลเมตร) เมื่อเอาชนะความกลัวระยะแรกได้แล้ว ระยะที่ 2 ระยะทาง 10 กิโลเมตร อยู่ไม่ไกลจากความฝันของคุณ อย่างไรก็ตามคุณต้องฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ และอย่าลืมดูแลสุขภาพด้วยการกิน ดื่ม และพักผ่อนให้เพียงพอ

-ฮาล์ฟมาราธอน 21k (กม.) ฝึกร่างกายและจิตใจให้แข็งแกร่งขึ้น ระยะทาง 21 กม. หมายถึงการวิ่งอย่างน้อย 2 ชั่วโมงสำหรับผู้เริ่มต้น ก่อนฮาล์ฟมาราธอน อย่าลืมฝึกซ้อมอย่างมีโครงสร้าง เพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นได้

– ฟูลมาราธอน ระยะทาง 42k (กม.) ระยะทางอย่างเป็นทางการ 42.195 กม. ในที่สุด การฝึกความอดทนก็มาถึงในวันที่เราทดสอบภูมิประเทศที่นักวิ่งใฝ่ฝัน นักวิ่งมืออาชีพหลายคนเปรียบเทียบการวิ่งมาราธอนกับการต่อสู้ส่วนตัว มันเป็นการต่อสู้ของร่างกายและจิตใจล้วนๆ อย่าท้อแท้หากถูกถามบ่อย ๆ ว่า “เรามาทำอะไรที่นี่? » วิ่งต่อไปเพื่อหาคำตอบที่เส้นชัย

#ไขขอของใจ #วงอยางไรใหเบรนไขมน #รองเทาดยหอดงทำใหวงเรวขนจรงหรอ

0/5 (0 Reviews)

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น